วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนความคิดวันที่ 3 กรกฎาคม 2558

          วันนี้ฉันชวนเด็กๆมาฝึกปันดินน้ำมันเพื่อให้ฝึกให้นิ้วมือแข็งแรงมากยิ่งขึ้นและนอกจากฝึกนิ้วเด็กๆก็ได้ปันดินน้ำมันตามจิตนาการของเด็กๆ เขาสนุกสนานเอามาอวดฉัน แต่ข้อระวังในการที่ให้เด็กเล่นดินน้ำมันต้องอธิบายว่าอย่าเอาเข้าปาก และเล่นแล้วต้องไปล้างมือ 

บันทึกสะท้อนคิดวันที่ 2 กรกฎาคม 2558


วันนี้ผู้ปกครองมารอคุณหมอแต่เช้าเพื่อรับการทอสอบพัฒนาการของเด็กผู้ปกครองดูกังวลใจฉันเลยบอกว่าไม่ต้องกังวลเราต้องปล่อยให้เขาทำเอง ถ้ายังงั้ยคุณหมอจะแนะนำหรือให้ยาทานถ้าเขามีพัฒนาการช้าอย่างน้อยเด็กจะได้รับการกระตุ้นให้ถูกวิธีจะได้มีประโยชน์ต่อตัวนักเรียนเองในการเรียนต่อไป


บันทึกสะท้อนคิดวันที่ 1 กรกฎาคม 2558


          วันพุธเป็นวันที่เด็กๆรอคอย เพราะฉันจะพาเขาออกไปวิ่งและแตะบอลในสนาม  ก็เลยถือโอกาสพาเด็กๆไปเรียนรู้ภายนอก ไปดูแปลงผักสวนครัว พาไปดูเล้าหมู เล้าไก่ ในโครงการเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งอยู่ในโรงเรียนและก็พาไปเตะบอลและสอนให้เด็กๆรับบอลเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดใหญ่ และนอกเหนือจากเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดใหญ่เด็กๆมีความสุขสนุกสนานที่ได้มาเรียนนอกห้อง ได้ตื่นเต้นกับบรรยากาศใหม่ 

                                              🌻🌻🌻🌻🌻🌻🌻🌻🌻🌻🌻💏💏🌻🌻💏

บันทึกสะท้อนคิดวันที่ 30 มิถุนายน 2558


          วันนี้ทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ส่งเจ้าหน้าที่ข้อมูลมาขอรายละเอียดเกี่ยวกับเด็กที่เราจะทดสอบพัฒนาการ รายชื่อของเด็กที่อยู่กับฉันมีมากกว่าที่เจ้าหน้าที่มี เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเขาได้ข้อมูลจาก อสม ในหมู่บ้านมีแค่ 4 คน แต่ที่ศูนย์มีมากกว่า ฉันเลยแก้ปัญหาให้กับเจ้าหน้าข้อมูลของโรงพยาบาลไปโดยถ่ายเอกสารสมุด อบ2/1 ไปเพราะในสมุดมีรายระเอียดเกี่ยวกับวัน เดือน ปีเกิด ของเด็ก
     
          ทางเจ้าที่ตรวจสอบรายชื่อและช่วงอายุเด็กแล้วจึงแจ้งให้ฉันทราบว่าฉันต้องแจ้งผู้ปกครองของเด็กคนไหนบ้างที่จะต้องนำสมุดสีชมพู (สมุดบันทึกของเด็กตั้งแต่อยู่ในท้อง) มาบ้าง

          เย็นนั้นฉันแจ้งผู้ปกครองของเด็กที่มีรายชื่อว่า เช้าวันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม ให้นำสมุดสีชมพูของเด็กมาและให้ผู้ปกครองรอพบหมอที่จะมาทดสอบพัฒนาการของเด็กด้วย ผู้ปกครองมีทีท่าตกใจและถามว่าลูกฉันเป็นไรมันไม่ปกติหรอ ฉันเลยอธิบายไปว่าทางโรงพยาบาลต้องการแก้ปัญหาเด็กที่มีพัฒนาการไม่สมวัยแต่จะเป็นการทดสอบเฉยๆ โดยอยากให้ผู้ปกครอง ครู ช่วยกัน เฝ้าระวังและส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการให้สมวัย

                                      🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺

วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิดวันที่ 29 มิถุนายน 2558


          วันนี้ทางเทศบาลได้ให้ฉันมาเป็นตัวแทนของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนบ้านตาเหล็ง เข้ารับการอบรมกับทางกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับ การเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัย ณ.ห้องประชุมโรงพยาบาลนางรอง

          ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ระดมผู้มีคุณวุฒิมาอธิบายและแนะนำให้ความรู้เพื่อให้กลับไปคัดกรองเด็กที่ศูนย์ว่ามีพัฒนาการสมวัยหรือไม่ เมื่อเด็กอายุ 9 18 30และ42 เดือนตามลำดับ

         มาอบรมคราวนี้ฉันได้ความรู้ที่จะมาคัดกรองเด็ก และทำให้รู้ว่าเด็กช่วงอายุต้องทำอะไรได้บางนอกจากพูดคุยกับเรา ในฐานะคุณครูเราเป็นคนที่สองรองจากพ่อแม่ที่จะอยู่กับเด็ก ฉันดีใจที่มีโอกาสได้รับความรู้จากการมาอบรมเพื่อไปพัฒนาการส่งเสริมและกระตุ้นเด็กให้เด็กมีพัฒนาการสมวัย

บันทึกสะท้อนคิดวันที่ 26 มิถุนายน 2558


     หลังจากวันพฤหัสสอนและอธิบายทดสอบเรียกชื่อแล้วมาคราวนี้นักเรียนใหม่ของฉันยังมีสับสนเรื่องไม่รู้ตัวเองจะต้องพูดว่า "ขอบคุณค่ะ" "ขอบคุณครับ"

     ฉันต้องอธิบายว่าใครเป็นนักเรียนหญิงบ้างและใครเป็นนักเรียนชายบ้างและจะรู้ได้งั้ยว่าเราเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

     อันดับแรกฉันบอกให้เด็กๆดูการแต่งกายว่าถ้าเป็นผู้หญิงต้องแต่งตัวอย่างไร เช่นนักเรียนหญิงจะนุ่งกระโปร่งและถ้าเป็นนักเรียนชายจะนุ่งกางเกง คราวนี้นักเรียนสามารถบอกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

     จากนั้นฉันก็จะบอกว่าการกล่าวคำขอบคุณเวลาที่ได้รับของจากคุณครูหรือคุณพ่อคุณแม่ใครต้องกล่าวคำไหนทุกคนก็สามารถกบ่าวได้ดีขึ้น

บันทึกสะท้อนคิดวันที่ 25 มิถุนายน 2558


     วันนี้หลังจากทำกิจกรรมหน้าเสาธง ฉันให้เด็กๆมานั่งตามจุดที่ตัวเองเคยนั่ง ก่อนเริ่มกิจกรรมต่างๆ ฉันเรียกชื่อเด็กให้ทำกิจกรรมดูเขางงๆ สาเหตุที่เด็กๆงงว่าฉันเรียกใครเพราะ เด็กนักเรียนในปีการศึกษานี้มีชื่อเล่นซ้ำกันหลายคน เข่น ชื่อเล่นว่ากันมีทั้งหมด 3คน ชื่อเกล้าที่ทั้งหมด 4 เกล้า นิว 2 แก้ว 2

     ปัญหาในการเรียกชื่อที่จะสื่อสารจึงลำบากมาก ฉันจึงตกลงและช่วยกันคิดว่าเราจะเรียกชื่อเด็กนักเรียนที่ซ้ำกันอย่างไร ก็เลยสรุปกันว่า เราจะเรียกนามสกุลหรือชื่อจริงต่อท้าย เช่น กัน ประเจียด เพราะนามสกุลเขา "ประเจียด" และ กัน คเนศ

     หลังจากที่ฉันเรียกเด็กๆแบบนี้บ่อยๆ เขาจำได้ดีขึ้นและรู้ว่าฉันเรียกใครและสามารถสื่อสารกับฉันได้ดีขึ้น

                                         🍎🍎🍎🍎🍎🍎🍎🍎🍎🍎🍎🍎🍎🍎

                                                

       

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิดวันที่ 24 มิถุนายน 2558


          วันพุธเป็นวันที่เด็กๆรอคอย เพราะวันนี้ฉันนัดกับเด็กไว้ว่า คุณครูจะพาทำกิจกรรม ขี่ม้าทรงเมือง  ทางศูนย์ของฉันมีของเล่นที่เป็นม้ายางอยู่ 4 ตัว ฉันเลยจัดกิจกรรมนี้ขึ้นวันพุธเพราะวันพุธเด็กๆจะใส่ชุดพละ

          เด็กๆตื่นเต้นมากและก็สนุกสนาน โดยฉันกำหนดว่าให้ขึ้นมาขี่ม้าครั้งละ 4 คนโดยทุกคนต้องขี่ม้ามาหาครูที่เส้นชัย แต่ฉันก็สอนการขี่และบอกให้ระวังเพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้

          วันนี้นทั้งครูและนักเรียนพากันสนุกสนานโดยไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น

                                        🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸

บันทึกสะท้อนคิดวันที่ 23มิถุนายน2558



          วันนี้เด็กๆน่ารักมากดูเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้น เข้าใจคำสั่งมากขึ้นบอกให้นั่งตามจุดทีีกำหนดให้ได้อย่างแม่นย่ำ แต่ก็ยังมีบ้างที่มาถามบ้าง

          จากประสบการณ์ของการทำงานพอทำให้ฉันรู้ว่าการเล่านิทานจะเป็นการเก็บให้เด็กเงียบและมีสามธิมากที่สุด เด็กๆให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี  เด็กๆชอบฟังนิทานมากฉันเล่าเรื่อง เต่ากับกระต่าย ฉันให้เด็กๆออกมามีส่วนร่วมในนิทาน โดยแสดงเป็นเต่ากับกระต่ายเด็กๆมีความสนุกสนานตามประสาหลังจากจบฉันถามเด็กๆว่า เต่ากับกระต่ายวิ่งแข่งกัน ในชนะ เด็กๆน่ารักตอบได้ทุกคนว่ากระต่าย

         การเล่านิทานก็สนุกเด็กๆสนใจแต่อีกสิ่งที่ฉันมักจะเติมเสมอคือให้เขามีส่วนร่วมในกิจกรรม

                                   🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิดวันที่ 19 มิถุนายน 2558



          วันนี้เป็นสุดท้ายของสัปดาห์ หลังจากทุกกิจกรรมผ่านไปด้วยดี ฉันก็พาเด็กๆออกไปเล่นในสนามเด็กเล่น ฉันปล่อยให้เด็กๆมีอิสระในการเลือกของเล่น  แต่ได้พักเดียวก็มีอุบัติเหตุกับเด็กตรงของเล่นสะพานลื่น ฉันเดินไปตรงนั้นพอดีแต่คว้าไม่ทันเพราะเขาเล่นไม่ถูกวิธีแทนที่จะเเอาขาลงแบบตรงๆเขากลับเอาข้างลงเลยกลายเป็นว่าพอกมุนตัวหนัาเลยไปกระแทกกับเหล็ก ผลปรากฎหัวโน ฉันพามาปฐมที่ห้องและให้นอน ฉันกลับไปดูคนอื่นๆและเรียกมาสอนวิธีการเล่นให้เด็กๆเข้าใจ เขาเล่นได้ดีขึ้นและถูกต้องโดยมีฉันยืนดูแลอยู่ข้างๆของเล่น

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิดวันที 22 มิถุนายน 2558


          วันจันทร์นี้ฉันมารับเด็กนักเรียนแต่เช้า สังเกตุผู้ปกครองบางคนหิ้วกระเป๋าและที่นอนให้กลับเด็กและจะเดินเข้ามาเก็บให้ในห้อง ฉันเลยบอกกะผู้ปกครองว่า ขอร้องให้ผู้ปกครองส่งเด็กแค่หน้าห้องและปล่อยให้เด็กๆ หยิบกระเป๋าและที่นอนไปเก็บเอง เพราะตอนเที่ยงเขามักจะมาถามว่า "ที่นอนหนูอยู่ไหน" ฉันเลยบอกขอความร่วมมือกับผู้ปกครอง เพื่อให้เด็กได้เก็บเองตอนเที่ยงจะได้หยิบมาปูถูก ผู้ปกครองก็ให้ความร่วมมือดีมาก  ฉันอธิบายว่าฉันทำให้ก็ได้แต่ฉันต้องการปรับเขาเพื่อให้ เด็กๆได้ช่วยเหลือตัวเองได้ เด็กๆเขาอาจจะบอกสีไม่ถูกแต่เขาจำได้ว่าที่นอนอยู่ตรงไหนและสีแบบไหน ตอนเที่ยงฉันเลยให้เด็กๆหยิบเองได้ผลดีมากเขาหยิบถูกทุกคน มีบางคนหยิบสีถูกแต่ไม่ใช่ของเขา แต่ฉันก็ดีใจว่าอย่างน้อยเด็กๆก็จำสีได้

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิดวันที่ 18 มิถุนายน 2558



          วันนี้ทางโรงเรียนบ้านตาเหล็ง จัดให้มีกิจกรรมไหว้ครู ทางศูนย์ฉันก็มีโอกาสได้ร่วมกิจกรรมนี้เพราะศูนย์ที่ฉันสอนเป็นศูนย็ที่อยู่ในโรงเรียน

          เด็กๆตื่นเต้นมากที่จะได้ไปร่วมกิจกรรมกับพี่ๆที่หอประชุม เด็กๆเอาดอกไม้ที่จะมาไหว้ครูฝากกับฉันไว้ก่อนเพือจะไดัไมีพัง หลังจากทำกิจกรรมหน้าเสาธงเสร็จ เด็กๆทุกคนมารอรับดอกไม้ที่ฝาก ที่จริงฉันเขียนชื่อไว้แต่ต้องการทดสอบความจำเด็กๆ เขาเก่งมากจำได้ของเขาได้ เขาถึงว่าเด็กวัยนี้เป็นวัยทองเขาเก่งจดจำได้ง่ายและถ้าเราใส่อะไรดีๆไปเขาก็จะเก่ง

         เด็กทุกคนเดินไปนั่งตามจุดที่คุณครูบอก ตัวแทนทำหน้าที่ขึ้นไปไหว้ผู้อำนวยการและอาจารย์อาวุโสบนเวที ตัวแทนเด็กก็น่ารักทำได้ดี ทุกปีที่มีกิจกรรมนี้ฉันภูมิใจมากและมีความสุขที่ได้เห็นดวงตาและหน้าใสๆเหล่านี้เขามีความสุข








วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิดวันที่ 17 มิถุนายน 2558



     ช่วงนี้เด็กๆดีขึ้นมาก ปฎิบัติตามคำสั่งได้ และเด็กๆก็ชอบกิจกรรมเคลื่อนไหวมากๆ โดยเฉพาะการออกกำลังกาย เขาสนุกมากกับการที่จะได้เต้นตามจังหวะ และอีกอย่างคือเเด็กๆชอบฟังนิทาน ฉันจะเล่านิทานแทนการสอน เพราะต้องการให้เด็กมีสมาธิในการอยู่นิ่งๆ และฟัง ดีขึ้นมากเขาชอบฟังและจะดูภาพนิทานจากฉัน ฉันจะเล่าแบบตามเหตุการณ์แต่มีเค้าโครงตามหนังสือนิทาน เพื่อสอดแทรกการแนะนำและสอนไปด้วย เช่นเรื่อง อุ้งอิ้งไม่อยากไปโรงเรียน ฉันก็จะเอาตัวละครคือเด็กๆในห้องและแสดงท่าทางประกอบ เด็กก็จะขำและหัวเราะในสิ่งที่ฉันเล่า

     ฉันเห็นเด็กๆมีความสุขและสนิทกับฉัน ฉันก็พลอยมีความสุขไปด้วย ต่อจากนั้นเด็กๆก็จะพูดคุยกะฉันมากขึ้นและทำให้การสอนหรือสั่งเรื่องอื่นๆง่ายขึ้น

                 

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิดวันที่ 16 มิถุนายน 2558



     วันนี้ผู้ปกครองมาหาแต่เช้า มาบ่นกับฉันว่า เมื่อวานหลานชายถูกเพื่อนแย่งขนมจนไม่ได้กิน ฝากคุณครูช่วยดูด้วยนะค่ะ  ฉันรับฟังและบอกกับผู้ปกครองไปว่า คุณครูก็ดูแลอยู่แต่ตอนพักเที่ยงเราอยู่กับโรงเรียนเราก็พักพร้อมกับเด็กอนุบาลของโรงเรียน ซึ่งอนุบาล 1 และอนุบาล 2 และก็คงมีบ้างที่พี่ๆเขาโตกว่าเขาก็อาจจะมีขอหรือแย่ง

     ฉันบอกกับผู้ปกครองว่า "คุณยายไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องไม่ได้กินนะค่ะ ทางศูนย์มัทั้งข้าว ของว่างและนมให้ทาน และบางครั้งคุณยายต้องเข้าใจนะค่ะว่าเด็กมาอยู่กับคนหมู่มากก็ต้องฝึกให้เขาปรับตัวกับปัญหาต่างๆบ้าง และต้องฝึกการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่น แต่เป็นเอาว่าคุณครูจะดูแลระมัดระวังเพิ่มเติมอีกเพืีอความสบายใจของคุณยาย

    เที่ยงนั้นฉันก็เลยแก้ปัญหาด้วยการพาเด็กๆไปเองและรีบพากลับมาที่ห้อง

                            ❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️


วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิดวันที่ 15 มิถุนายน 2558


     วันนี้มาทำงานและรับเด็กในตอนเช้า ปัญหาเดิมๆ เด็กร้อง ไม่ฟังคำสั่ง ทะเลาะกัน แย่งของของเล่นกันก็ยังคงมีอยู่บ้างแต่ก็ดีขึ้นเพราะฉันกับเพื่อนก็ช่วยกันดูแลอย่างใกล้ชิด พยายามบอกและสอน

     แต่ปัญหากลับเป็นเพื่อนครูข้างห้องซึ่งเป็นเด็กอนุบาล 2 ซึ่งเป็นส่วนของโรงเรียนมีครูประจำชั้นเพียงท่านเดียว มีเด็กย้ายมาใหม่จากจังหวัดชลบุรี เด็กใหม่คนนี้ตอนย้ายมาผู้ปกครองแจ้งว่าเรียนชั้นอนุบาล 2 มาแล้ว ท่านรองผอ. เลยให้ไปเรียนชั้น ป.1 เด็กไม่ยอมเรียนร้องไห้ตลอด ไม่รู้เรื่องจนคุณครูประจำชั้นไปปรึกษาท่านผอ. ท่านผอ.เลยเชิญผู้ปกครองเด็กคนนั้นมาคุยจนได้ความว่า เดิมเด็กเรียนอยู่โรงเรียนเอกชนซึ่งเรียนชั้นอนุบาล 2 แล้ว และต้องขึ้นอนุบาล 3 แต่ผู้ปกครองเข้าใจว่าต้องมาเรียนป.1 เพราะโรงเรียนนี้เขามีแค่อนุบาล 2 ถึงได้มีการเปลี่ยนแปลงชั้นเรียนทันที ให้มาเรียนชั้นอนุบาล 2 ของโรงเรียนบ้านตาเหล็ง ฉันเลยอธิบายต่อให้ผู้ปกครองเด็กฟังตอนที่เขาเอาเด็กมาเรียนห้องใหม่ว่า อ๋อ คุณยายที่เอกชั้นเขาจะเรียนเด็กอนุบาล 3 ขวบที่ครูสอนว่าชั้นอนุบาล 1 เขาถึงมีอนุบาล 3 แต่ส่วนที่นี้เขามีอนุบาล 3 ขวบและอนุบาล 1 แล้วอนุบาล 2

    นี่แหละปัญหาของการไม่อธิบายหรือสอบถามกันให้ดีเลยกลายเป็นว่า เข้าใจผิด ทำให้เด็กไม่อยากมาโรงเรียน  เด็กร้องไห้มากฉันได้มีโอกาสช่วยด้วยการปลอบโยน กอด และชักชวนพูดคุยจยเด็กดีขึ้นยอมคุยด้วยและยอมสงบในที่สุด ฉันก้มบอกเขาว่า " บอลครับ พรุ่งนี้หนูอย่าร้องไห้อีกนะ เพราะมาเรียนสนุกมีทั้งของกิน มีของเล่นและมีเพื่อนๆ คุณครูก็ใจดี" เขายิ้มแล้วพยักหน้า

                                      🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺

             

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิดวันที่ 12 มิถุนายน 2558


     วันนี้เป็นวันศุกร์ที่เด็กๆต้องมาเรียนหลังจากเมื่อวานหยุดเรียน ดูเด็กๆบางคนก็งอแงไม่อยากมาเรียนแต่ฉันก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เด็กๆจะมีงอแงบ้างแต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เด็กซะแล้วแต่อยู่ที่ตัวฉัน

     ฉันป่วย เป็นไข้หวัด เจ็บคอ และก็กินยาเข้าไปมึนๆบ้าง ปกติฉันชอบที่จะอยู่กับเด็กๆเหนื่อยแต่ก็สนุกแต่วันนี้รู้สึกว่าแย่มากๆ จนมีความคิดว่าเวลาช่างนานมาก อยากจบวันเร็วๆ

     บ่าย2 ไฟฟ้าดับอีกเด็กๆก็พากันตื่นเพราะร้อน ฉันสงสารเด็กเลยจับเด็กอาบน้ำแก้ร้อน สนุกสนานกันทั้งครูทั้งเด็ก

                                             🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิดวันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน 2558


     ศูนย์พัฒนาเด็กของฉันเป็นศูนย์ที่มาขอให้อาคารของโรงเรียนบ้านตาเหล็ง เป็นห้องเรียนเล็กๆ มีนักเรียนอยู่ 34 คนปีนี้ มีครู 2 คน

    ท่านผอ. เดินมาแจ้งว่าทางโรงเรียนจะใช้สถานที่สอบทักษะฉะนั้นเลยแจ้งให้นักเรียนอนุบาลทั้งหมดหยุดเรียนรวมทั้งอนุบาล 3 ขวบด้วย
     สรุปศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้องหยุดทำการเรียนการสอน 1 วัน คือ วันที่ 11 มิถุนายน 2558
 

                             ❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️🌹🌹🌹🌹🌹🌹

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิดวันที่ 10 มิถุนายน 2558


     จากปัญหาวันที่ 9 มิถุนายน 2558 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับเด็กชายคเนศ ริ้วกระโทก ตอนเช้าฉันได้พบคุณยายที่เป็นผู้ปกครองของ เด็กชายคเนศ และได้สอบถามเกี่ยวกับคเนศ ว่ามีการเลี้ยงดูยังงั้ยและะฤติกรราที่อยู่บ้านเป็นอย่างไร คุณยายเล่าว่า เด็กชายคเนศมีปัญหาตั้งแต่ยังเด็กป่วยบ่อย และตอนนี้ก็พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง เอาแต่ซน ตีกันอยู่เรื่อย คุณยายว่าเห็นใจคุณครู และคุณยายว่าลองเอามาเรียนรู้ว่าจะอยู่กะกับคนอื่นแล้วจะดีขึ้นมั้ย ฉันถามคุณยายว่าคุณยายตามใจเขามากหรือเปล่าค่ะเพราะเวลาเขาอยากได้อะไรจากใครเขาต้องได้และจะแย่งถ้าไม่ได้ก็จะทำร้ายเพื่อนแบบแรงๆ คุณยายว่าอยู่ที่บ้านฉันก็ตีและสอนตลอด  ฉัยบอกกะคุณยายไปว่าเด่วคุณครูจะลองปรับเขาดูอีกทีนะค่ะ

     วันนี้ทั้งวันฉันพยายามอยู่ใกล้ๆเด็กชายคเนศ และถ้ามีการแย่งออกฉันก็จัคอยห้ามและพูดกับเขา แต่ก็ได้ผลอยู่บ้างตอนที่ฉันนั่งอยู่ใกล้ แต่พอฉันเดินไปทำอย่างอื่นเขาก็เหมือนเดิมแต่ฉันก็คิดว่าจะลองทำบ่อยๆ คือพูดคุยด้วย และคิดว่าเวลาจะช่วยให้ดีขึ้น

วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บันทึกสะท้อนคิดวันอังคารที่ 9 มิถุยนยน 2558


     เช้าวันอังคารฉันก็มารับเด็กแต่เช้าตามปกติ วันนี้ก็ยังมีเด็กร้องบ้างแต่ก็ไม่นานพอทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียนเสร็จก็พาเข้าห้องและทำกิจกรรมตามปกติ  ฉันสังเกตุมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งชื่อ คเนศ ริ้วกะโทก ตั้งแต่มาเรียนเขาไม่ร้องไห้เลย แต่จะไม่ฟังคำสั่งครูเช่นกัน อย่างอื่นยังพอเข้าใจว่าเด็กพึ่งมาอาจจะฟังคำสั่งไม่เป็นฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรและปล่อย

     ช่วงปล่อยให้เล่น เด็กชายคเนศจะมีปัญหามากคือ มักจะตีเพื่อนตลอดสาเหตุการตีส่วนใหญ่คือแย่งของเล่นกับเพื่อน และถ้าไม่ได้เขาจะลงมือทำร้ายเพื่อนทันที ฉันและเพื่อนครูด้วยกันก็พยายามบอกว่าอย่าตีเพื่อนแต่ก็ไม่ค่อยได้ผล คราวนี้เขาตีเพื่อนหนักคุณครูอีกท่านจึงทำโทษด้วยการตีมือ เด็กชายคเนศ เขาโกรธคุณครูเขากัดของเล่นและตีเพื่อนที่อยู่ข้างๆอีก จนฉันเริ่มคิดว่าเด็กเป็นเด็กพิเศษเปล่านะ

     พอดีท่านรอง เกศวรรณ พลเดช รองผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านตาเหล็ง ท่านเดินมาเยี่ยมชมเด็กๆ ฉันจึงได้สอบถามเพราะท่านพึ่งไปอบรมเกี่ยวกับเรื่องเด็กพิเศษ ท่านว่าให้เราสังเกตุและไปเอาแบบประเมินเด็กมาจากท่านและลองสังเกตุดู และท่านแนะนำว่าเด็กพิเศษบางคนเราจะมีอารมณ์รุ่นแรง วิธีที่จะปรับเขาคือเขารุ่นแรงมาเราก็รุ่นแรงตอบ ค้อฟันต่อฟันตาต่อตา ตอนแรกฉันฟังแล้วตกใจ และคิดว่าเป็นไปได้งั้ย ท่านอธิบายว่า หมายถึงเวลาเขาตีเรา เราก็ตีเขากลับและถามเขาว่าเจ็บไหมเวลาที่คุณครูตี ถ้าเขาบอกว่าเจ็บเราก็สอนเขาและห้ามเขาตีคนอื่น ท่านอธิบายว่าเราต้องปรับเขาตั้งแต่เล็กๆ

     นี่คือความรู้ใหม่ที่ฉันได้จากปัญหาที่เจอและขอบคุณท่านรอง เกศวรรณ พลเดชที่นำความรู้จากการไปอบรมการจัดการเรียนการสอนให้กับเด็กพิเศษมาแนะนำ

บันทึกสะท้อนคิดประจำวันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2558

     วันนี้เป็นวันจันทร์ซึ่งเด็กๆจะต้องมาเรียนอีกครั้งและแน่นอน เด็กๆมักจะร้องไห้งอแง และนี่ก็คือปัญหาที่ฉันเจอในวันนี้  และที่หนักกว่าเด็กร้องคือผู้ปกครองไม่ยอมปล่อยเด็ก  ยังคงมาเฝ้าทำให้คุณครูจะปรับเด็กยากมาก หน้าที่ของฉันในฐานนะครูก็พยามอธิบายให้ผู้ปกครองสบายใจและให้ความร่วมมือกับคุณครูและเชื่อใจว่าคุณครูจะดูแลเด็กๆทุกคนเป็นอย่างดี ไม่ต้องเป็นห่วงหรือกังวลอะไร ขอให้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณครู ถ้าผู้ปกครองไม่ใจแข็งปล่อยให้อยู่กะคุณครู เด็กๆก็จะไม่มีการปรับตัวเข้ากับครูและเพื่อนๆ ผู้ปกครองก็น่ารักเข้าใจและยอมทำตามคำแนะนำของคุณครูเป็นอย่างดี